Warehouse Management
การจัดการคลังสินค้า
องค์กรที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์มีความจำเป็นที่ต้องมีคลังสินค้า
เพราะธุรกิจเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการตลาดตามสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นหรือเลวลง
หรือในขณะที่ตลาดมีความต้องการทางสินค้าสูง
เกิดคู่แข่งขึ้นที่สามารถสร้างความต้องการของผู้บริโภคเกิดการเปลี่ยนแปลงจากสินค้าที่เคยเป็นผู้นำตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว
หรือกรณีที่เกิดภัยทางธรรมชาติกระทบกระเทือนต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้บริโภค
ในกรณีที่ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าสูงขึ้นเกินกำลังการผลิต
ผู้ผลิตสามารถนำสินค้าที่เก็บไว้ในคลังสินค้ามาบริการลูกค้าเพื่อไม่ให้สินค้าขาดตลาดได้
และสาเหตุต่างๆเหล่านี้จึงเกิดคลังสินค้าที่ต้องจัดให้เหมาะสมกับธุรกิจที่มีอยู่
คลังสินค้า (Warehouse) มีรูปแบบการบริการอยู่สองกลุ่ม
คือกลุ่มคลังสินค้าทั่วไปมีหน้าที่ในการจัดเก็บสินค้า (Warehousing) และรูปแบบที่เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้า (Distribution Center
: DC)
หน้าที่ของระบบคลังสินค้า
1. หน้าที่เก็บรักษาสินค้า
(Holding)
2. ที่รวบรวมสินค้าจากที่ต่างๆ
(Consolidation)
3. กระจายสินค้าจากโรงงานใหญ่
(Break-Bulk)
4. การรวมสินค้าจากที่ต่างกันหรือสินค้าต่างชนิดกัน
ชนิดของคลังสินค้า
1. คลังสินค้าพืชผล
2. คลังสินค้าที่เก็บรักษาสินค้าเป็นจำนวนมาก
เช่นคลังน้ำมัน สารเคมี
3. คลังสินค้าห้องเย็น
4. คลังสินค้าเครื่องใช้ประจำบ้าน
5. คลังสินค้าทั่วไป
เป็นคลังที่บริการสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้า
6. คลังสินค้าทัณฑ์บน
เป็นคลังที่เก็บสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่ยังไม่เสียภาษีอากรขาเข้า
ของ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ชัยยนต์ ชิโนกุล
คณะบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
พิมพ์ครั้งที่2
กรกฎาคม 2549
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น